สมพรตำนานจอมเสิร์ฟ สู่ เบื้องหลังทุกความสำเร็จตะกร้อไทย

สมพร

สมพรตำนานจอมเสิร์ฟ สู่ยอดผู้ฝึกสอน โค้ชผู้อยู่เบื้องหลังในทุกความสำเร็จตะกร้อทีมชาติไทย

ถ้าหากจะนึกถึง ตำนานนักเตะกร้อทีมชาติไทย ที่กลายมาเป็น โค้ชตะกร้อทีมชาติไทย ขึ้นมาสักคนหนึ่งเชื่อได้เลยว่าทุกคนคงจะต้องนึกถึง สมพร แสนยบุตร ยอดตำนานจอมเสิร์ฟเจ้าของฉายา ‘จรวดทางเรียบ’หรือ ‘โค้ชโต้ง’ ในปัจจุบัน อย่างแน่นอน

ทว่าจะมีใครบ้างที่รู้ความเป็นมาก่อนจะเป็น ‘โค้ชโต้ง’ สมพร แสนยบุตร เส้นทางสาย ‘นักตะกร้อทีมชาติไทย’ สู่ ‘หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย’ นั้นเป็นมาอย่างไร

สมพร แสนยบุตร

เป็นคนจังหวัดร้อยเอ็ด เริ่มเล่นตะกร้อตั้งแต่ช่วงสมัยเรียนประถมที่ โรงเรียนเทศบาลวัดสระทอง เพราะสมัยเด็กจะชอบเล่นกีฬาทุกชนิด แต่ก็อาจจะยังไม่ได้โฟกัสอะไรมากนัก

หลังจากนั้นก็ย้ายมาเรียนในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่ โรงเรียนร้อยเอ็ดวิทยาลัย ก็มีรุ่นพี่นักตะกร้อ ที่อยู่ พลศึกษา มหาสารคาม มาชักชวนให้เล่นกีฬาตะกร้อ เพื่อเป็นตัวประกอบ เพื่อไปลงแข่งขันตะกร้อเดินสายตามงานวัดต่างๆ เลยได้มาสัมผัสกับกีฬาตะกร้อตลอด และเริ่มชอบตะกร้อเลยเริ่มมาเล่นและฝึกอย่างจริงจังมากยิ่งขึ้น

จนกระทั่งวัยที่เรียนจบ ม.6 อ.โกศล และ อ.มงคล ซึ่งถือว่าเป็นโค้ชฝึกสอนตะกร้อที่โรงเรียนร้อยเอ็ดวิทยาลัย ก็แนะนำให้เขาไปศึกษาต่อที่ พลศึกษา มหาสารคาม จึงทำให้เขาตัดสินใจไปเรียนที่นั้น และในช่วงระยะเวลาแรกเริ่ม เขาก็เล่นตะกร้อไปด้วย อีกทั้งยังต่อยมวยไปด้วย เพราะที่บ้านมีฐานะยากจน ทำให้ต้องไปต่อยมวยเพื่อหาเงิน ในเวลาเดียวกัน 

แต่เนื่องด้วยความหลงไหลในกีฬาตะกร้อ จึงทำให้ สมพร แสนบุตร เริ่มกลับมาเอาจริงเอาจังกับทางด้านกีฬาตะกร้อเพิ่มมากยิ่งขึ้น จนกระทั่งเรียนชั้น ปกศ. ปีที่ 2 ก็ได้มีโอกาสลงเล่นเป็นตัวแทนของ พลศึกษาของมหาสารคาม เข้าร่วมการแข่งขันในการแข่งขันกีฬาการพลศึกษาแห่งประเทศไทย และในปีนั่น สมพร แสนยบุตร ก็เป็น จอมเสิร์ฟ กำลังสำคัญที่พา ทีมตะกร้อพลศึกษามหาสารคาม และสามารถผงาดคว้าแชมป์มาครองได้ทั้งในประเภททีมเดี๋ยว และ ทีมชุด ได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์อีกด้วย 

จากนั้น สมพร แสนบุตร ถูกทาง ‘กองทัพบก’ ดึงเข้าไปอยู่ในสังกัด และสมัยนั้นทีมตะกร้อระดับมหาวิทยาลัย ก็จะไปดึงนักกีฬาตามสโมสรต่างๆ มาเล่นกีฬามหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย และ สมพร ก็ได้รับโอกาสมาเล่นกับ ม.กรุงเทพ ‘กล้วยน้ำไทย’ และด้วยเพลงเสิร์ฟที่ไม่ธรรมดา ทำให้สามารถพาทีม ม.กรุงเทพ คว้าแชมป์กีฬามหาวิทยาลัยมาครอบครองได้อีก

จนทำให้ได้รับฉายาจากเพื่อนๆในวงการตะกร้อ ‘จรวดทางเรียบ’ เนื่องจากลูกเสิร์ฟของ ‘สมพร’ แม้จะไม่ใช่การเสิร์ฟด้วยหลังเท้าเหมือนจอมเสิร์ฟในยุคปัจจุบัน แต่ก็มีความรุนแรงไม่แพ้กันนั่นเอง

เนื่องด้วยผลงานที่โดดเด่นในระดับมหาวิทยาลัย จึงทำให้ สมพร แสนบุตร ถูก สมส่วน มนัสตรง โค้ชตะกร้อลอดห่วงทีมชาติไทย แนะนำให้ไปลงโปรแกรมการคัดตัวเพื่อเข้าร่วม ทีมชาติไทย และด้วยลีลาการเสิร์ฟที่มีลูกเล่น ทำให้ สุพจน์ ปราณี และ สุวัธชัย เกิด เมฆ โค้ชทีมตะกร้อชายทีมชาติไทย ในยุคนั้นเลือกเขามาเข้าร่วมเก็บตัวในแคมป์ทีมชาติไทย เพื่อไปลุยศึกตะกร้อคิงส์คัพ ปี 2535 และได้รับโอกาศในการลงเล่นในนามทีมชาติไทยเป็นครั้งแรก ในฐานะผู้เล่นทีม ชุดบี ในศึกตะกร้อคิงคัพ ปี 2535 

ทว่าอย่างไรก็ตามแต่ในศีก ซีเกมส์ ครั้งที่ 18 ซึ่ง จรวดทางเรียบ ถือเป็นหนึ่งในนักตะกร้อที่มีส่วนที่ทำให้กำเนิด จ่อยหลังเท้า หรือ กิตติภูมิ นามสุข ยอดตำนานนักเสิร์ฟหลังเท้าคนแรกของโลก เพราะใน ณ เวลานั้น กิตติภูมิ นาม สุข ถูกเปลี่ยนตัวลงไปเล่นแทน สมพร ก่อนที่จะพาทัพทีมชาติไทยไปปราบ เสือเหลือง ทีมชาติมาเลเซีย คว้าเหรียญทองซีเกมส์ ได้สำเร็จ 

สมพร แสนยบุตร ในวัย 30 ปี ก็ตัดสินใจอำลาวงการเลิกเล่น หลังจากจบ ซีเกมส์ ที่ เชียงใหม่ เจ้าตัวเริ่มมาโฟกัสงานโค้ชและอยากเรียนรู้เป็นศาสตร์การเป็นโค้ช จากความมุ่งมั่นในการทำหน้าที่ฐานะ ผู้ฝึกสอนในทีมชาติไทย ในวันนั้นกลายมาเป็นวันนี้ของ สมพร แสนยบุตร ทำให้เขากลายเป็นหนึ่งใน ผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย

อ่านข่าวตะกร้อเพิ่มเติม :: ข่าวตะกร้อ

 

error: Content is protected !!