จอมฟาดแห่งอนาค ตระกร้อทีมชาติไทย ธนพล ทรัพย์เย็น

จอมฟาดแห่งอนาค

จอมฟาดแห่งอนาคต ธนพล ทรัพย์เย็น อีกหนึ่งดาวรุ่งที่น่าจับตามอง ตะกร้อทีมชาติไทย ในอนาคต

หากเวลานี้เราจะพูดถึงผู้เล่นในตำแหน่ง ‘จอมฟาดดาวรุ่ง’ ของวงการตะกร้อไทยในยุคนี้ขึ้นมาสักคนเชื่อได้เลยว่าต้องมีชื่อของ ‘เจ้าแจ็คร้อยแรงม้า’ หรือ นายธนพล ทรัพย์เย็น ต้องเป็นอีกหนึ่งในแข้งดาวรุ่งแห่งวงการตะกร้อไทยที่น่าให้ความสนใจสำหรับวงการ

หลังจากระยะเวลาเกือบ 2 ถึง 3 ปี ที่ได้ผ่านมา ชื่อของ ‘ธนพล ทรัพย์เย็น’ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งคนที่สามารถสร้างผลงานได้อย่างโดดเด่นที่สุดของคนหนึ่งของวงการ ตะกร้อไทย ทั้งในรายการระดับสโมสรอาชีพ หรือ ในศึกการแข่งขันตะกร้อรายการใหญ่ทุกรายการของประเภท ‘แจ็คร้อยแรงม้า’ มักจะสามารถทำผลงานให้แฟนตะกร้อได้พูดถามหรือกล่าวถึง เรียกร้องให้มีชื่อเขาไปติดชุดทีมชาติไทย มาอย่างต่อเนื่อง

จนส่งผลให้ ณ ปัจจุบัน ‘แจ็ตร้อยแรงม้า’ ธนพล ทรัพย์เย็น สามารถก้าวขึ้นไปติดขึ้นไปมีชื่อติดทีมชาติไทย เป็นที่เรียบร้อยแล้ว พร้อมกับกลายเป็นหนึ่งในเหล่าขุนพลตะกร้อหนุ่มไทยชุดคว้าแชมป์โลกสมัยที่ 34 ในรายการศึกชิงแชมป์ ถ้วยพระราชทาน ‘คิงส์คัพ’ รอบล่าสุดที่เพิ่งจบไปแบบหมาดๆ อีกด้วย

แต่ทว่าเรื่องเส้นทางชีวิตสายนักหวดลูกพลาสติกของ ธนพล ทรัพย์เย็น นั้นเป็นลักษณะอย่างไร แล้วกว่าเขาจะเดินมาถึงวันนี้ชีวิตของเขาต้องผ่านอะไรมาบ้าง คงไม่มีใครรู้

ธนพล ทรัพย์ กล่าวว่า เขาเป็นคนจังหวัดราชบุรี มีพ่อและแม่มาเป็นคนงานรับจ้างอยู่ในโรงงานรับทำขนมจีน อยู่แถววัดไร่ขิง จังหวัดนครปฐม โดยคุณพ่อและคุณแม่ ก็ปลูกฝั่งให้ชอบกีฬาตั้งแต่เด็กๆ โดยมักจะซื้อของเล่น ที่เป็นลูกฟุตบอล ลูกวอลเลย์บอล หรือแม้กระทั่งลูกตะกร้อ มาให้เล่นตั้งแต่เด็กๆ จนทำให้เกิดความผูกพันกับกีฬาที่มีรูปทรงกลม มานับตั้งแต่ยังจำความไม่ได้ 

โดย ‘เจ้าแจ็คร้อยแรงม้า’ เล่นตะกร้ออยู่ตั้งแต่ตอน ป.4 ที่เรียนอยู่ที่ โรงเรียนหินแท่น จังหวัดกาญนบุรี ซึ่ง อาจารย์ทีปกรณ์ โค้ชตะกร้อประจำที่โรงเรียนก็เห็นว่าเราชอบเล่นกีฬาเลยชักชวนมาให้เล่นตะกร้อเป็นครั้งแรกโดยเริ่มฝึกให้เราตะกร้อด้วยการผูกลูกตะกร้อไว้กับเชือกแล้วทำให้ฝึกเดาะลูกตะกร้อ พอเริ่มเตะเป็นครูก็อยากพาออกไปลงแข่งตามรายการต่างๆ ทั้งในระดับอำเภอและระดับจังหวัด ทำให้เขารู้สึกชอบและเล่นตะกร้อเรื่อยมา จนจบ ป.6 

ก่อนที่จะย้ายไปเรียนระดับ มัธยมต้น ที่โรงเรียนด่านทับตะโกราษฏร์อุปถัมภ์ ซึ่งมีครู ไสว ขาวผ่อง และ ครูประทีป ดวงเพลียอุ้ม เป็นโค้ชตะกร้อและอบรมพยายามเคี่ยวเข็ญให้เราเล่นตะกร้อมาโดยตลอด แต่ทว่าด้วยการเริ่มเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นของ ธนพล เริ่มเกเร ติดเพื่อน ไม่ค่อยมาร่วมฝึกซ้อม จึงทำให้อาจาร์ทั้งสองต้องพยายามตามเล่นตะกร้อและพาไปแข่งขันมากขึ้น และจนเขาเรามาอยู่ในร่องในรอยมาก และสามารถเรียนจนจบชั้นมัธยมต้นที่3 

จากความเกเร ส่งผลให้ในช่วงที่กำลังจะขึ้นชั้นมัธยมศึกษาปีที่4 คุณพ่อซึ่งก็อยากจะเห็นลูกชายเป็นนักกีฬาตะกร้อเลยพาไปลองทดสอบคัดตัวที่โรงเรียนกีฬาเทศบาลนครปฐม และทว่าเรื่องฝีมืออาจยังสู้คนอื่นๆไม่ได้มากนักทำให้ยังคัดตัวไม่ผ่าน และต้องกลับมาเรียนที่ โรงเรียนเดิม โดยได้ฝากฝั่งกับ ครู ไสว และ ครูประทีป เป็นผู้อบรมฝึกสอนดูแล ธนพล ให้อยู่ในร่องในรอยมากยิ่งขึ้น 

ก่อนที่จะถูก สโมสรตำรวจ ดึงตัวไปเข้าสังกัดโดยติดยศนายสิบให้เขาทันที สำหรับการย้ายมาร่วมสโมสรตำรวจ จะทำให้เขาได้รับโอกาสมากยิ่งขึ้นโดย ได้ไปแข่งขันทั้งตะกร้อลีก และงานถ้วยรายการต่างๆ มากขึ้น และในปี 61 ซึ่งเขาได้มาแข่งตะกร้อให้ สโมสรพิษณุโลก ไกรสรราชสีห์ ในศึกตะกร้อไทยแลนด์ลีก ทำให้ได้รับฉายาว่า ‘แจ็คร้อยแรงม้า’ จากพี่โน็ต ผู้จัดการทีมเห็นว่า ผมเตะตะกร้อแรงและขึ้นฟาดได้แบบไม่มีหมด เหมือนม้ากำลังพยศ นั้นจึงเป็นจุดเริ่มต้นของฉายา ‘แจ็คร้อยแรงม้า’
:
ทว่าอย่างไรก็ดี ‘ธนพล’ ก็ยังพัฒนาตัวเองไม่หยุด และพยายามฝึกซ้อมและสามารถทำผลงานได้อย่างดีสม่ำเสมอ พร้อมพาทีมตะกร้อ สโมสรตำรวจ และ สโมสรอำนาจเจริญ ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมศึกตะกร้อลีกปีล่าสุด จนทำให้ก้าวขึ้นไปมีชื่อเขาก็เก็บตัวภายในแคมป์ทีมชาติไทยเมื่อช่วงปลายปี 2565 ที่ผ่านมา พร้อมพิสูจน์ตัวเองโดย

จนได้เป็นหนึ่งในขุนพลนักเตะกร้อทีมชาติไทย ในชุดปัจจุบัน

อ่านข่าวตะกร้อเพิ่มเติม :: ข่าวตะกร้อ

 

error: Content is protected !!